วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

ผลไม้อีสานบ้านเฮา เเท้ๆ

              
                 กระผม นาย วรวุฒิ  ราชชิต นักศึกษาสาขาวิชา การพัฒนาชุมชน     blog  นี้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ ข้อมูลเกี่ยวกับผลไม้อีสาน  เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ศึกษา


หมากเม่า



ชื่อท้องถิ่น:บักเม่า
ชื่อสามัญ:
มะเม่า
ชื่อวิทยาศาสตร์:
Antidesma velutinosum Blume
ชื่อวงศ์:
Stilaginaceae.
ลักษณะวิสัย/ประเภท:
ไม้ยืนต้นไม่ผลัดใบออกดอกช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม และผลจะสุกในช่วงเดือน    สิงหาคม - กันยายน
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์:  
  น้ำผลไม้ ไวน์เม่า แยม กวน สีธรรมชาติผสมอาหาร ฯ           ผลมีสรรพคุณเป็นยาระบายและบำรุงสายตา ใบสดนำมาอังไฟเพื่อใช้ประคบแก้อาการฟกช้ำดำเขียว เปลือกต้นเม่าใช้เป็นส่วนประกอบของลูกประคบ

หมากแงว



ชื่อท้องถิ่น:บักแงว
ชื่อสามัญ:คอแลน
ชื่อวิทยาศาสตร์:
'Nephelium hypoleucum' Kurz
ชื่อวงศ์: Sapindaceae
ลักษณะวิสัย/ประเภท:ไม้ยืนต้น
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์:ผลใช้รับประทานแทนยาระบายได้  

บักเดื่อ


ชื่อท้องถิ่น :  บักเดื่อ
ชื่อวิทยาศาสตร์   :    Ficus racemosa Linn
ชื่อวงศ์
   :   
MORACEAE
ชื่อสามัญ  
:    
อุดรธานี-อีสาน เรียก หมากเดื่อ   แม่ฮ่องสอน-กะเหรี่ยง เรียก กูแช      ลำปาง เรียก มะเดื่อ      ภาคกลาง เรียก มะเดื่ออุทุมพร มะเดื่อชุมพร มะเดื่อเกลี้ยง        ภาคเหนือ-กลาง เรียก มะเดื่อ เดื่อเกลี้ยง       ภาคใต้ เรียก เดื่อน้ำ
ลักษณะทั่วไป   :   มะเดื่อเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงประมาณ 10–20 เมตร ลำต้นเกลี้ยงสีน้ำตาลหรือน้ำตาลปนเทา
สรรพคุณทางยา   :    เปลือกต้น รสฝาด แก้ท้องร่วง ชะล้างบาดแผล สมานแผล แก้ประดง ผื่นคันแก้ไข้ท้องเสีย ไข้รากสาดน้อยและแก้ธาตุพิการ  ราก รสฝาดเย็น แก้ไข้ กระทุ้งพิษไข้ ถอนพิษไข้ และแก้ท้องร่วง
 ผล รสฝาดเย็น แก้ท้องร่วง และสมานแผล       ผลสุก เป็นยาระบาย

หมากเล็บแมว


ชื่อท้องถิ่น:หมากเล็บแมว
ชื่อสามัญ:เล็บแมว
ชื่อวิทยาศาสตร์:
Ziziphus oenoplia (L.) Mill. var. oenoplia
ชื่อวงศ์:
RHAMNACEAE
ลักษณะวิสัย/ประเภท:ไม้พุ่ม


หมากมอน


ชื่อสามัญ  หม่อน
ชื่อวิทยาศาสตร์  
:   Morus alba L.
ชื่อวงศ์   
:   Moraceae
ลักษณะ  หม่อน   
เป็นพืชอาหารตามธรรมชาติชนิดเดียวของหนอนไหม และเป็นหัวใจสำคัญของการประกอบอาชีพการปลูกหม่อนเสี้ยงไหม ปริมาณผลผลิตและคุณภาพรังไหมจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับคุณภาพใบหม่อน หม่อนเป็นพืชที่มีอายุนาน 80-100 ปี ถ้าไม่ได้รับความกระทบกระเทือน จากการเก็บเกี่ยวหรือโรค แมลงศัตรู สามารถเจริญได้ดีตั้งแต่เขตอบอุ่นถึงเขตร้อน หม่อนที่เกิดในเขตอากาศหนาว จะหยุดพักไม่เจริญเติบโต นับตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่าง จนถึงฤดูใบไม้ผลิ
ประโยชน์  
ใบ    : สามารถนำไปทำเป็นชาสำหรับชงน้ำร้อนดื่มโดยจะทำในรูปชาเขียว ชาจีน และชาฝรั่ง หรือ รับประทานใบและยอดอ่อนโดยตรงโดยการใส่ในต้ม หรือแกงก็ได้
            ผลแปรรูปเป็นน้ำผลหม่อนเข็มข้นหรือพร้อมดื่ม และเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารต่าง
เช่น

ไอศกรีม แยม เยลลี่ ข้าวเกรียบ ขนมพายลูกหม่อน รวมทั้งการผลิตเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทไวน์

บักเหลี่ยม


ชื่อพื้นเมือง ชื่อท้องถิ่น  :   หมากเหลี่ยม
ชื่อสามัญ 
:  มะกอกเกลื้อน
ชื่อวิทยาศาสตร์ 
:  Canarium  sublatum  Guillaumin
ชื่อวงศ์  :  Burseraceae
ชื่ออื่นๆ  :  กอกก้น (อีสาน)  ซาลัก  (เขมร)   มะเกิ้ม  (เหนือ) 
ลักษณะ
  :  เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง  10-15 เมตร 
ประโยชน์/สรรพคุณทางยา 
:  เนื้อในเมล็ดมัน  ผลนำไปดอง  ผลที่มีรสฝาดแก้ไอ  ขับเสมหะ  แก่นแก้โลหิตกระดูกพิการ  แก้ประดง  ใช้ทาแก้ผื่นคัน

บักขามป้อม


ชื่อท้องถิ่น: หมากขามป้อม
ชื่อสามัญ:  -
ชื่อวิทยาศาสตร์: Indian gooseberry
ชื่อวงศ์: EUPHORBIACEAE
ลักษณะวิสัย/ประเภท:ไม้ยืนต้น
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์
:สรรพคุณมะขามป้อมตามตำรับยาไทยสามารถแก้หวัด ผลมะขามป้อมมีสรรพคุณแก้หวัด แก้ไอได้ดี

บักเบน


ชื่อพื้นบ้านอีสาน  :  หมากเบน
ชื่ออื่นๆ
  :   ตะขบป่า ตานเสี้ยน มะเกว๋นนก มะเกว๋นป่า
ชื่อทางวิทยาศาสตร์  
:   Flacourtia indica(Burn.f.)Merr.
ประเภท    :   ไม้ต้นขนาดกลาง หรือไม้พุ่ม สูง 2-5 เมตร กิ่งก้านมีขนและมีหนามแหลมแข็ง
ประโยชน์ทางยา    :   หมากเบนเป็นผลไม้มีรสหวานทางสมุนไพรใช้ลำต้นเข้าตำหรับยา แก้โรคอีสุกอีใส แก่นไม้และรากนำไปต้มดื่มรักษาโรคไตพิการ หรือแก่นไม้ต้มน้ำดื่มแก้ท้องร่วง บิด เป็นยาขับเหงื่อด้วย หรือเข้าตำรายาต้มรักษาโรคไตได้

หมากม่วงป่า



ชื่อสามัญ :   มะม่วงป่า
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Mangifera coloneura    Kurz
ชื่อวงศ์
:  
ANACARDIACEAE
ชื่ออื่น :  
มะม่วงละว้า  มะม่วงละโว้  (ใต้) มะม่วงราวา  (นราธิวาสราวอ  (มลายู-นราธิวาส)
ลักษณะทั่วไป :   ไม้ต้น  สูง  25-30  เมตร  เรือนยอดเป็นพุ่มทรงสูงถึงแผ่กว้าง  ลำต้นเปลาตรง  เปลือกสีน้ำตาลเทา  แตก   เป็นสะเก็ด  เปลือกชั้นในสีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง   แผ่นใบ    เรียวยาว  รูปขอบขนานแกมรูปรีถึงแกมรูปไข่กลับ  กว้าง  3-9  เซนติเมตร  ยาว 10-25 เซนติเมตร  ปลายใบเรียวแหลม  หรือทู่  โคนใบสอบเป็นรูปลิ่มบางครั้งทู่  ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน  เส้นแขนงใบ  8-10  เซนติเมตร  (-16) คู่  ก้านใบยาว  2-5  เซนติเมตร   ดอก    เล็กสีเหลืองอ่อน  หรือสีครีม  ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง  ผล   กลมรี  กว้าง  2.5-3   เซนติเมตร ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตร  เมื่อแก่สุกสีเหลืองส้ม  แต่ถ้าสุกมากจะมีสีคล้ำเกือบดำ

ระยะเวลาการเป็นดอก-ผล    ออกดอกระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์  ผลแก่ระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม
 
ประโยชน์ :   ผล  ช่อดอก  และยอดอ่อน  ใช้รับประทานได้  เนื้อไม้ใช้ก่อสร้าง  ทำเครื่องเรือน  เครื่องเฟอร์นิเจอร์  และด้ามเครื่องมือเครื่องใช้ ได้ดี

ตะโกนา


ชื่อท้องถิ่น: บักโก  ตะโกนา (ภาคเหนือ) มะโก โก (ภาคอีสาน)
ชื่อสามัญ:  ตะโกนา
ชื่อวิทยาศาสตร์:  
Diospyros Rhodcalyx
ชื่อวงศ์:  Ebenaceae
ลักษณะวิสัย/ประเภท:  ตะโกนา เป็นพืช ยืนต้นขนาดกลาง ใบเล็กขนาดใบข่อย
ผลของตะโกนามีลักษณะคล้ายกับผลมังคุดหรือลูกพลับ รสหวานอมฝาด
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์:    ใช้เป็นยา ผล เปลือกผล แก่น   ผลเอามาตากแดด ต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาแก้ท้องร่วง ท้องเสีย  แก้อาการบวม  ขับพยาธิ  แก้กษัย  แก้ฝีเน่า  เปลือกของผลตะโกนา


หมากหว่า


ชื่อท้องถิ่น:   ลูกหว้า
ชื่อสามัญ:  ลูกหว้า
ชื่อวิทยาศาสตร์:  ซีสส์จิอัม คูมินิ (
Syzygium cumini (L.) Skeels)
ชื่อวงศ์: 
(Family Myrtaceae)
ลักษณะวิสัย/ประเภท:  ไม้ยืนต้น
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์:  สรรพคุณของหว้าและวิธีใช้  เปลือกและใบหว้า ใช้ทำยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย ลิ้นและคอมีเม็ดเมล็ดหว้า เมล็ดหว้าเมื่อนำมาต้มหรือบด แล้วนำมารับประทาน มีสรรพคุณใช้แก้เบาหวาน แก้บิด แก้ท้องร่วงได้


"ผลหว้าสุก" จะลักษณะสีม่วงดำ และมีรสเปรี้ยวฝาดอมหวาน จึงสามารถนำมาใช้ในการทำไวน์ได้ดี ส่วนยอดอ่อนของหว้า สามารถใช้รับประทานเป็นผักสด

หมากตากบ


ชื่อวงศ์  :    TILIACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์   :    Muntingla calabura L.
ชื่อสามัญ   :      Calabura ,Jamalcan ,cherry ,jam tree
ชื่อพื้นเมืองอื่นครบฝรั่ง      :        (สุราษฏร์ธานี)ตะขบ , ตะขบฝรั่ง(ภาคกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์    :      ไม้ต้น ขนาดเล็ก (ExST) สูงประมาณ 5-7 เมตร เปลือกสีเทา กิ่งแผ่สาขาขนานกับพื้นดิน ตามกิ่งมีขนปกคลุม ขนนุ่ม และปลายเป็นตุ่ม ยอดอ่อนเมื่อจับดูรู้สึกเหนียวมือเล็กน้อย
ประโยชน์ทางยา   :    รส และสรรพคุณในตำรายาเปลือกต้น รสฝาด เป็นยาระบาย เพราะมีสารพวก Mucilage มากใบ รสฝาดเอียน ใช้ในการขับเหงื่อ ดอก รสฝาด แก้ปวดศีรษะ แก้หวัด ปวดเกร็งในทางเดินอาหาร ลดไข้ ต้มรวมกับสมุนไพรอื่น ๆ เอาน้ำดื่มเป็นยาขับระดู และแก้โรคตับอักเสบ ผล รสหวานเย็น มีกลิ่นหอมบำรุงกำลัง ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ ราก รสฝาด กล่อมเสมหะและอาจม


หมากตูม




ชื่อท้องถิ่น  :  บักตูม, หมากตูม
ชื่อสามัญ  :
   Bael, Bengal Quince, Bilak
ชื่อวิทยาศาสตร์  :
   Angle Marmelos
ชื่อวงศ์  :   Rutaceae
ชื่อท้องถิ่น  :    - ทั่วไป เรียก มะตูม
                        - ภาคเหนือ เรียก มะปิน
                        - ภาคใต้ เรียก ตู้, กะทันตา, เถร, ตูม, ตุ่มตัง
                        - ภาคอีสาน เรียก บักตูม, หมากตูม
                        - ล้านช้าง เรียก ตุ่มตัง
ลักษณะวิสัย/ประเภท  :   มะตูมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ใบใหญ่ยาวสีเขียวอ่อน ลำต้นโตสีค่อนข้างขาว มีหนามแหลมคมและยาว ดอกมีสีขาวกลิ่นหอม ผลกลมโต เปลือกแข็ง เนื้อข้างในมีสีนวลออกทางเหลืองอ่อน มีเมล็ดมาก ยางที่อยู่โดยรอบเมล็ดจะเป็นเมือกเหนียว เนื้อมะตูมจากผลแก่จัด นำมาเชื่อมกับน้ำตาล เป็นมะตูมเชื่อม หรือเอาผลอ่อนมาหั่นบางๆ ตากแดดใช้เป็นชามะตูม โดยต้มเอาน้ำมาดื่ม
การปลูก ต้นมะตูมป่ามักเกิดตามป่าดงทั่วไป โดยเฉพาะป่าเบญจพรรณ เจริญงอกงามได้ในดินทั่วไปทุกภาค การปลูกนิยมตอนเอากิ่งมาปลูกจะได้ผลดี หรือเอาเมล็ดมาเพาะก็ได้ โดยเอาต้นกล้าที่ปลูกเอาไว้ในถุงพลาสติก รอจนต้นแข็งแรงเสียก่อนจึงเอาไปปลูกในหลุมต่อไป ดูแลรดน้ำเป็นระยะ พร้อมทั้งกำจัดวัชพืช
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์   :  สรรพคุณทางยา
                                        - เปลือกรากและลำต้น แก้ไขจับสั่น ขับลมในลำไส้
                                        - ใบสดคั้นเอาน้ำแก้หวัด หลอดลมอักเสบ ตาอักเสบ

สืบค้นข้อมูล